วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2559

การเขียนข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์

       
          ข่าว คือ การรายงานเสนอเรื่องราว เพื่อสื่อความหมายเกี่ยวกับเหตุการณ์ข้อเท็จจริง ความคิดและ สิ่งต่าง ๆ ที่มีความแปลกใหม่ เด่น เป็นความรู้และน่าสนใจ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างปัจจุบัน ทันเวลา ไปสู่ผู้อ่าน ผู้ดู ผู้ฟัง ให้ได้ทราบสิ่งนั้น ทั้งนี้คำจำกัดความของข่าวนั้น จะขึ้นอยู่กับว่า ผู้รับข่าว หรือผู้ส่งข่าวมองเหตุการณ์หรือเรื่องราวนั้น ๆ ในมุมใดก็จะเสนอความคิดเห็นออกมา ปัจจุบันได้มีการแบ่งประเภทข่าวตามลักษณะเนื้อหาของข่าวได้ 3 ประเภท คือ
ข่าวแบบตรงไปตรงมา (Straight News) เป็นการมุ่งรายงานข้อเท็จจริง ภาษาเขียนรายงาน เช่น ข่าวหนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ข่าวที่ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจ (Human Interest) เป็นการมุ่งรายงานเรื่องที่ตื่นเต้น แปลกใหม่ น่าสนใจ เช่น พบงู 2 หัว
ข่าวที่เสนอให้เห็นความเด่นชัดเจน (Feature News) เป็นการรายงานเพื่อให้เกิดความบันเทิงใจแก่ผู้อ่าน เช่น คอลัมน์สำนักข่าวหัวเขียวไทยรัฐ
สำหรับโครงการสร้างการเขียนข่าวทุกประเภท จะประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก คือ

1. หัวข่าว (Headline) หลักในเขียนหัวข่าวต้องใช้คำสั้นมีความหมายสุด แต่ไม่ถึงกับใช้คำง่ายจนผู้อ่านไม่เข้าใจ หรือหากจะใช้คำย่อก็ต้องเป็นคำย่อที่รู้กันโดยทั่วไป และเขียนให้มีความหมายในทางบวก

2. ความนำ (Lead) คือ ประโยค หรือ สองประโยคแรกของข่าว ซึ่งมักใช้คำนำที่ประกอบด้วย 5 W 1 H (Who What Where When Why และ How) เช่น ใครทำอะไรกระทบกับใคร อะไรเกิดขึ้น เกิดขึ้นที่ไหน วันเวลาใด ทำไมจึงเกิดขึ้นและเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งความนำที่ดีจะต้อง
ถูกต้อง เที่ยงตรง ดึงดูดความสนใจ
ความนำทุกประเภทต้องมีความกระชับไม่ยุ่งเหยิง
สถานที่เกิดเหตุโดยทั่วไปหากไม่มีความสำคัญจริง ๆ ไม่ควรเขียนไว้ในความนำ และหากสำคัญสามารถเขียนไว้ในส่วนของเนื้อเรื่องได้
ตัวเลขที่เป็นอายุของผู้เกี่ยวข้องในข่าว ไม่มีความสำคัญที่จะต้องอยู่ในความนำ แต่หากมีความสำคัญควรเลือกใช้คำอื่นแทน เช่น ชายสูงอายุ หญิงชรา หรือ ทารก
การเขียนความนำข่าวที่ดี ควรเขียนถึงเหตุการณ์ว่า เกิดอะไรขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการเขียนความนำที่กล่าวถึงสถานที่ หรือสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่มีความสำคัญ ความจำเป็นเพียงพอที่จะดึงความสนใจของผู้ฟัง

3. เนื้อเรื่อง (Body) คือส่วนที่ถัดจากความนำ เป็นส่วนของการนำเข้าข้อมูลใหม่ และขยายส่วนที่กล่าวไว้ในความนำมาจัดลำดับเนื้อเรื่องข่าว ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท

3.1 การจัดลำดับเนื้อเรื่องตามลำดับเวลา ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดและง่ายที่สุดสำหรับข่าวที่มี
ลำดับเหตุการณ์ โดยอธิบายทีละขั้นจากสาเหตุไปสู่ผลกระทบ ส่วนมากจะเป็นข่าวอาชญากรรมหรือข่าวอุบัติเหตุ

3.2 การจัดลำดับเนื้อเรื่องจากผลย้อนไปสู่เหตุ คือ การนำเสนอข่าวที่จะให้ผลที่เกิดจากเหตุ
เป็นลำดับแรกเสมอและเมื่อแสดงถึงผลที่เกิดแล้ว จึงกลับมาอธิบายสาเหตุและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

3.3 การจัดลำดับเนื้อเรื่องตามลำดับประเด็น มีแนวทางคล้ายคลึงกับการจัดลำดับเนื้อเรื่อง
จากผลย้อนไปสู่เหตุ แต่นิยมใช้กับข่าวที่มีการแสดงทัศนคติต่อประเด็นข่าวจำนวนมาก

4. ส่วนท้าย (End) เป็นส่วนของข้อความที่มีลักษณะการเขียนอย่างสั้น ๆ ในตอนท้ายของข่าวหรือเป็นการสรุปอย่างสั้น ๆ ปิดท้าย หรืออาจเป็นการนำเข้าสู่ข้อเท็จจริงอื่นที่ไม่ใช่เป็นการให้ข้อมูลหรือประเด็นใหม่แต่เป็นข้อเท็จจริงที่มีในเนื้อข่าว หรืออาจเขียนถึงความเป็นไปได้ในอนาคตของข่าวนั้น ซึ่งข้อพึงระวังในการเขียนข่าวส่วนท้าย คือ ข้อความของส่วนท้ายไม่ควรมีลักษณะที่เป็นการอธิบายครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือไม่สมบูรณ์

          ทั้งหมดนี้เป็นเพียงหลักการเขียนข่าวโดยย่อ ที่นำมาเสนอให้ได้รับทราบกัน แต่ถ้าจะให้ดี ก็ต้องลองลงมือปฏิบัติจริง และฝึกเขียนบ่อย ๆ ก็จะชำนาญและเข้าใจถึงเทคนิคการเขียนให้น่าสนใจได้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป


ที่มา : เกียรติพงษ์ อุดมธนะธีระ


ตัวอย่างการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์


เอกสารอ้างอิง.
เบญสิร์ยา ปานปุญญเดช ; 5 ก.พ. ไม่ทราบปี หลักการเขียนข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์ สืบค้นจาก  http://www.km-web.rmutt.ac.th/?p=164
Lada Noparat ; 22 ก.พ. 2015 การเขียนข่าวเพื่อการประชาสัมพันธ์ [Video File.] สืบค้นจาก https://www.youtube.com/watch?v=TPEZm2Tc4PE

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น